ReadyPlanet.com
dot
dot
ศรีนาคาทุรคาเทวี
dot
dot
SrinagaThurkaDevi
dot
bulletร่วมสร้างวัด
dot
ศรีนาคาทุรคาเทวี
dot
bulletบันทึกศรีนาคา
bulletโหราศาสตร์
dot
รวมลิงค์เว็บเพื่อนบ้าน
dot
bulletเว็บสำเร็จรูป
bulletจดโดเมนเนม
bulletเว็บซื้อขาย
dot
Newsletter

dot
dot
ทวยเทพ
dot
bulletมหาเทพ-เทวี
dot
เรื่องเล่าจากเทวสถาน
dot
bulletความทรงจำ
dot
การให้ธรรมเป็นทาน
dot
bulletอานิสงฆ์ธรรม
bulletโอม ศักติ
bulletเทวะ ปรารถนา
bulletสมาคมส่งเสริมคนดีคลองสี่


facebook
พันธมิตร
รายการเชื่อหรือไม่ วัดแขกคลองสี่
บันทึกศรีนาคา
ดวงชะตาผ่านลูกแก้ว


พระนารายณ์ บารายี article

งานฉลองครบ ๔๘ วัน


พิธีอภิเษก 28 มิถุนายน 2558

 

 

 

 

 

 

 

hindu god balaji

ประวัติพระนารายณ์บาลาจี เรื่องเล่าของ บาลาจี คนที่ต้องการเข้าถึงองค์พ่อบาลาจี"โกวินดา" ควรอ่านบทความนี้ "คำพูดของพระกฤษณะเป็นปางที่แปดของพระนารายณ์สอนสาวกอรชุนในคีตะภควะคีตา เป็นหลักขอชการบูชาพระนารายณบาราจี " ""'อรชุน ไม่ว่าเธอจะทำอะไร จะบริโภคอะไร จะบูชาอะไร และจะถวายอะไร จะบำเพ็ญตบะหรือทำอะไรก็ตาม จงมอบสิ่งนั้นให้แก่เรา แล้วเธอจะพ้นจากพันธะของกรรม ไม่ว่าผลดีหรือชั่ว เธอจะต้องสละผลทุก ๆสิ่งให้แก่เราจนหลุดพ้นแล้ว เธอก็จะบรรลุถึงตัวเราได้ ตัวเราเป็นผู้เสมอภาคต่อสรรพสัตว์ ความเกลียดใครและความรักใครไม่มีในเรา ผู้ใดคบเราด้วยความรักและภักดี ผู้นั้นจะอยู่ในเรา และเราจะอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดบาปหนาสักเพียงไรในสายตาโลกก็ตาม หากเขาสละกรรมและภักดีต่อเราด้วยความรัก เราก็จะถือว่าเขาเป็นคนดี เพราะเขามีความตั้งใจชอบ เขาจะกลายเป็นผู้เที่ยงธรรม และได้รับสันติเป็นนิจ ดังนั้น จงถือตัวเราเป็นที่พึ่ง และเจ้าจะบรรลุต่อเราได้... (ความโลภเป็นบ่อเกิดแห่งบาปทั้งปวง ผู้ที่จะชนะตนเองได้ต้องเอาชนะความโลภของตนเสียก่อน) พระเวงกเฏศวร (VENKATESHWARA - वें เทพเจ้าผู้ปลดเปลื้องบาปแห่งกลียุค.......พระเวงกเฏศวรนั้นในประเทศไทยเรานั้นยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันเท่าใดนัก แต่ที่ประเทศอินเดียนั้นเป็นเทพเจ้าที่ได้รับความเคารพนับถือกันอย่างมากมาย แม้กระทั้งในญี่ปุ่นและเนปาลเองซึ่งเป็นประเทศที่นับถือศาสนาพุทธก็ยังมีผู้คนให้ความนับถือกันมาก โดยถือว่าเป็นดั่งพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งในกลียุคของพุทธศาสนาเลยก็มีพระเวกเฏศวรนั้นเป็นคำที่ผสมระหว่างคำ 3 คำคือคำว่า “เวง” ที่แปลว่า บาป, คำว่า “กฎะ” ที่แปลว่า ทำลายหรือปลดเปลื้อง กับคำว่า “อิศวร” ที่แปลว่า พระเจ้าหรือผู้ยิ่งใหญ่ รวมความจะหมายถึง พระผู้เป็นเจ้าที่ปลดเปลื้องบาปให้แก่เหล่ามวลมนุษย์นั่นเอง ประวัติของพระเวงกเฏศวรนั้นก็มีมากมายโดยเฉพาะในประเทศอินเดียทางตอนใต้ รวมเค้าเรื่องก็จะได้ความว่า ในครั้นหนึ่งนานมาแล้วเหล่าฤษีมุนีเกิดความสงสัยกันว่าในมหาเทพทั้ง 3 อันเป็นพระตรีมูรติอันได้แก่ พระพรหม พระศิวะ และพระนารายณ์นั้น ใครเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง ผู้ที่ต้องมารับหน้าที่ในการไปพิสูนจ์นั้นก็มีมติตกมาให้เป็นหน้าที่ของพรหมฤษีภฤคุไปทำการพิสูจน์ ฝ่ายพรหมฤษีภฤคุเมื่อต้องจำรับหน้าที่นี้มา ก็คิดหาวิธีพิสูจน์เพื่อให้เหล่าฤษีทั้งหลายหายข้องใจ โดยเริ่มที่พระพรหมผู้ซึ่งเป็นชนกของฤษีภฤคุก่อนเป็นลำดับแรกฤษีภฤคุรีบเหาะขึ้นไปยังพรหมโลกในทันที เมื่อไปถึงเห็นพระพรหมกำลังนั่งบำเพ็ญตบะหลับตาอยู่ ก็คิดอุบายพิสูจน์โดยแสร้งทำเป็นไปต่อว่าพระพรหมว่ามัวแต่นั่งหลับตามทำสมาธิอยู่นั่น รู้ตัวบ้างไหมว่าให้พรพวกเหล่าอสูรไปโดยง่ายๆ ทำเอาโลกต้องเดือดร้อนไปต่างๆ นานา ทำเอาพระพรหมทรงกริ้วถึงกับออกจากตบะด่อว่าฤษีภฤคุอย่างรุนแรง จนถึงจะสาปฤษีภฤคุเลยทีเดียว แต่ดีที่ฤษีภฤคุไหวตัวทันรีบหายตัวหนีไปในทันที เมื่อพิสูจน์แล้วว่าพระพรหมนั้นยังมีความโกรธอยู่ จึงตรงไปยังเขาไกลาสเพื่อพิสูจน์พระศิวะต่อในทันที พอไปถึงก็พบว่าพระศิวะกำลังสำเริงสำราญกับพระอุมาเทวีอยู่ ก็ตรงเข้าไปต่อว่าพระศิวะว่าวันๆ ไม่ทำอะไร มัวแต่มีความสุขไปวันๆ กับพระมเหสีศวร ทำเอาพระศิวะทรงกริ้ว ถึงกับยกตรีศูลขึ้นหมายขับไล่ฤษีภฤคุให้เงียบลง ฤษีภฤคุไฉนจะอยู่ให้โดนคมตรีศูลก็หายตัวจากหนีไปในทันใด คราวนี้เหลือมหาเทพอีกองค์ที่ยังไม่ได้ไปพิสูจน์คือพระนารายณ์ ฤษีภฤคุจึงรีบตรงไปยังไวกูณฐ์โลกในทันที พอไปถึงก็พบว่าพระนารายณ์นั้นกำลังบรรทมสินธุ์อยู่ โดยมีพระลักษมีเทวีคอยพัดวีบีบนวดให้ ก็ไม่รอช้า ตรงเข้าไปปลุกพระนารายณ์ด้วยการเอาเท้าเตะไปยังพระวรกายของพระวิษณุ ปรากฏว่าเมื่อเตะไปแล้วเหมือนดั่งฤษีภฤคุเตะไปยังหินผา ทำเอาฤษีภฤคุถึงกับเท้าเคล็ดล้มลงมาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ฝ่ายพระนารายณ์ได้ยินเช่นนั้นก็รีบตื่นบรรทมมาช่วยบีบนวดให้ฤษีภฤคุหายจากความเจ็บปวด โดยไม่ถือสาในสิ่งที่ฤษีภฤคุได้กระทำไป พระลักษมีเห็นดังนั้นก็ทรงกริ้วพระนารายณ์ว่า ฤษีภฤคุทำกับสวามีของพระนางขนาดนั้นแต่พระนารายณ์ทำไมต้องไปทำดีกับฤษีภฤคุด้วย แทนที่จะทำโทษกลับก้มลงไปแนบเท้าฤษีภฤคุเพื่อบีบนวด แถมยังขอโทษขอโพยที่ทำให้ฤษีภฤคุต้องมาเจ็บเท้าอีก จึงต่อว่าพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงตรัสห้ามพระลักษมีเทวีว่ามิให้กล่าวโทษฤษีภฤคุเช่นนั้น ทำให้พระลักษมีกริ้วมาก ถึงกับประชดด้วยการหนีออกจากไวกูณฐ์โลก ลงมาสถิตอยู่ ณ โลกมนุษย์เลยทีเดียว เมื่อพระลักษมีหนีลงมายังโลกมนุษย์พระนารายณ์ก็เสด็จลงมาเพื่อตามพระลักษมีกลับเช่นกัน ด้วยการลงมาสถิตในใต้โลกเป็นฤษี ณ ดินแดนที่ครั้นหนึ่งพระองค์เคยอวตารลงมาเป็นหมูป่า (วราหาวตาร) โดยสถานที่ตรงที่ลงมาสถิตนั้นเคยเป็นที่ที่พระนารายณ์ในรูปหมูป่าเคยมาอยู่อาศัยร่วมรักกับพระแม่ธรณี ซึ่งบางท่านก็ถือว่าเป็นอวตารหนึ่งของพระลักษมีเทวีเช่นกัน เมื่อเวลาผ่านไปเนินนานพระลักษมีจึงทรงพระทัยอ่อนยอมเข้าใจพระนารายณ์แล้วยอมกลับยังไวกูณฐ์โดยดี จากตรงนี้เองพระนารายณ์ได้ตรัสว่าพระองค์จะลงมาเพื่อปลดเปลื้องบาปให้แก่มวลมนุษย์อีกครั้งในกลียุค ในรูปของพระปฏิมา โดยยกตัวอย่างถึงการที่ฤษีภฤคุได้กระทำกับพระองค์ ถึงแม้จะเป็นบาปอันมหันต์ก็ตาม แต่เมื่อเขาผู้นั้นเป็นสาวกของพระองค์แล้วพระองค์ย่อมงดบาปให้แก่เขาผู้นั้นได้เสมอ อีกทั้งในมหาภารตยุทธนั้นได้มีพราหมณ์ถามพระกฤษณะว่าเมื่อสิ้นพระกฤษณะไปแล้วจะเข้าสู่กลียุค แล้วจะมีพระองค์ใดเสด็จลงมาเพื่อปลดเปลื้องบาปให้แก่มวลมนุษย์อีกเล่า พระกฤษณะก็ตรัสว่าพระองค์นั่นแหละจะเสด็จลงมาในภาคพระปฏิมานามว่า "พระเวงกเฏศวร" พระเวงกเฏศวรนั้นมีหลายพระนามด้วยกัน เช่น พลาชิ, ศรีนิวาส, เวงกฏปติ, เวงกฤนารถ, ศรีติรุปติ เพราะพระองค์นั้นจะเป็นเทพเจ้าที่สถิตอยู่ท่ามกลางขุนเขาทั้ง 7 บรรพต โดยแต่ละเนินเขาจะมีสาวกของพระองค์สถิตอยู่ดังนี้ คือ พระอุมาเทวี (ในฐานะน้องสาว), พญาครุฑ, อนันตนาคราช, หนุมาน, วัวนนทิ, พรหมฤานารท และธันวันตรี (แพทย์สวรรค์ผู้ทูลหม้อน้ำอมฤตขึ้นมาจากการกวนเกษียรสมุทร) รูปลักษณ์ปฏิมาของพระเวงกเฏศวรนั้นจะมี 4 กร โดย 2 กรบนจะทรงถือจักรกับสังข์ ส่วนอีก 2 กรล่างจะอยู่ในท่าประทานพรและอีกกรจะแนบเข้าหาพระวรกาย จะทรงมงกุฏสูงแบบอินเดียใต้ ที่พระนลาฏจะมีรูปเครื่องหมายของนิกายไวษณพนิกายเป็นสัญลักษณ์ ส่วนการเรียกแยกระหว่างพระเวงกเฏศวรกับพระพลาชินั้น มีเรื่องเล่าว่าครั้นหนึ่งพระองค์ ได้ทำการปลดเปลื้องบาปให้แก่พราหมณ์ 2 ผัวเมียด้วยการให้ 2 ผัวเมียนั้นขุดดินมาปั้นเป็นพระปฏิมาของพระองค์ขึ้น โดยถ้าอยากได้บุญเต็มๆ เฉพาะตนต้องช่วยกันทำแค่ 2 คนห้ามให้คนอื่นมาช่วย แล้วพระองค์นั้นก็ทรงลองในของพราหมณ์ 2 ผัวเมียด้วยการแปลงเป็นเด็กไปขอแบ่งบุญด้วยการช่วยสร้างพระปฏิมา ฝ่ายภรรยาพราหมณ์เห็นว่าบุญนั้นยิ่งช่วยกันทำมากยิ่งได้บุญเพิ่ม แต่ฝ่ายสามีมองว่าจะให้คนอื่นมาแบ่งปันบุญของตนเองไปได้เช่นไร จึงไม่ยินยอม แต่เมื่อพราหมณ์ผู้เป็นสามีเผลอภรรยาก็แอบให้เด็กผู้นั้นช่วยขุดดินร่วมทำบุญด้วยกัน จนมาวันหนึ่งพราหมณ์ผู้เป็นสามีมาพบเห็นก็โกรธว่าเด็กผู้นั้นมาแย่งบุญของตนจึงขับไล่และตีเด็กผู้นั้นด้วยจอบ ทำให้เด็กคนนั้นคางแตก วิ่งหนีเข้าไปในเทวลัยของพระนารายณ์ พราหมณ์สามีตามเข้าไปก็ไม่พบเด็กผู้นั้น พบแต่เทวรูปที่ตนสร้างนั้นเกิดมีเลือดออกที่พระชานุ (คาง) ด้วยความตกใจจึงรีบหาวัสดุมาอุดแต่ทำอย่างไรเลือดนั้นก็ไม่หยุดไหล จนในที่สุดพราหมณ์ผู้เป็นสามีก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กคนนั้นต้องเป็นพระนารายณ์จำแลงมาลองใจตนเป็นที่แน่แท้ จึงเฝ้าขอขมาแด่พระนารายณ์ในความงกผลบุญของตนโดยไม่เผื่อแผ่ผู้อื่น สุดท้ายด้วยความสำนึกผิด และการเอาจอบไปฟาดโดนคางของพระนารายณ์จำแลง พราหมณ์สามีจึงได้ถอดเอาจอบนั้นไปติดที่คางของเทวรูป ปรากฏว่าเลือดนั้นก็หยุดไหลในทันที และจอบนั้นก็ติดแน่ไม่หลุดออกมาอีกเลย ตั้งแต่นั้นมาจึงเกิดคติการเรียกพระนามของพระนารายณ์ในปางนี้ว่า ถ้าที่พระชานุไม่มีรูปคล้ายจอบติดจะมักเรียกว่า “พระพลาชิ” หรือที่คนไทยมักเรียกกันว่า “นารายณ์บาลายี” นั่นเอง ส่วนถ้ามีรูปคล้ายจอบหรือแต้มขาวติดที่พระชานุจะเรียกกันว่า “พระเวงกเฏศวร” นับแต่นั้นมา และทั้ง 2 ปางนี้ก็ยังถือว่าเป็นพระเจ้าผู้ปลดเปลื้องบาป ให้แก่เหล่าสาวกของพระองค์เหมือนกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.facebook.com/balajithailand/app_208195102528120




มหาเทพ

ศรีมหาทุรคาเทวี article
ศรีมหาลักษมีเทวี article
พระแม่สรัสวดี article



Copyright © 2010 All Rights Reserved.
60/6 หมู่ 4 ถ.คลองหลวง ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
เบอร์โทร : 0815924424...029048095...0925231442
อีเมล srinaga@srinagathurka.com
เว็บไซต์ : http://www.srinagathurka.com.
เว็บไซต์ : EDIT BY PHORN PUTAWAN.